วันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

สวรรค์มีกี่ชั้น?

ปุจฉา: ถ้าสวรรค์มีจริง อยากทราบว่ามีกี่ชั้น อะไรบ้าง? และความสุขแต่ละชั้นต่างกันอย่างไร?

วิสัจฉนา: สวรรค์นั้น เมื่อว่ากันตามหลักฐานทางศาสนาท่านแสดงว่ามีอยู่จริงๆ ในเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น มีเรื่องของสวรรค์เข้ามาเกี่ยว ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าจะมาอุบัติในโลกมนุษย์ และเกี่ยวข้องกันไปตลอด ไม่ว่าตอนเสด็จออกบรรพชา บำเพ็ญเพียร ตรัสรู้ ตัดสินพระทัยแสดงธรรม แสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรก จนถึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

แม้หลังจากปรินิพพานแล้ว ก็มีเรื่องสวรรค์เทวดาเข้าเกี่ยวข้องอยู่เป็นอันมากในพระไตรปิฎกเองท่านจัดเรื่องของเทวดาไว้พวกหนึ่งเรียกเทวตาสังยุตต์ แต่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงเอง ไม่บ่งให้ชัดลงไปว่าสวรรค์อยู่ที่ไหนเพราะคนฟังเป็นพระอริยบุคคล รู้เรื่องสวรรค์ดีอยู่แล้ว ส่วนชั้นของสวรรค์นั้น ท่านแสดงไว้เป็น 3 ประเภท คือ

  1. กามาวจร เป็นสวรรค์ที่อยู่ของพวกเสพกามหมายความว่าสวรรค์ชั้นนี้ มีเทพบุต เทพธิดา เป็นสามีภรรยากัน แต่ทุกอย่างมีความสุขและประณีตกว่าโลกมนุษย์ สวรรค์พวกนี้มีอยู่ 6 ชั้น
  2. รูปาวจร พวกนี้ท่านไม่เรียกสวรรค์ แต่เรียกพรหมโลก ถ้าเรียกเป็นภพท่านเรียกว่ารูปภพ แบ่งเป็น ชั้น ๆได้ 16 ชั้น ใน 16 ชั้นนี้ 11 ชั้นข้างล่าง เป็นที่บังเกิดของท่านที่บรรลุฌาน 4 อันเรียกว่ารูปฌานอีก 5 ชั้น ตอนปลายท่านเรียกว่า สุทธาวาส คือที่อยู่ของท่านที่บริสุทธิ์มากแล้ว อันได้แก่พระอนาคามี ซึ่งเป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ 3 ในพระพุทธศาสนา ท่านว่าตายแล้วจะไปบังเกิดในสุทธาวาส 4 ชั้นนี้
  3. อรูปาวจร คือเป็นพรหมโลกเหมือนกัน แต่คนที่ตายไปเกิดในพรหมโลกนี้ เกิดด้วยอำนาจอรูปฌามซึ่งมีอยู่ 4 ชั้น พรหมโลกขั้นนี้ จึงมี 4 ชั้นเช่นกันเรียกชื่อเหมือนกับฌานที่เป็นอรูปทั้ง 4 นั้น

ตกลงว่าที่เป็นสวรรค์จริงๆ มีเพียง 6 ชั้นเท่านั้น แต่เทพบุตรเทพธิดาที่ไม่อยู่บนสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นนั้น ท่านแสดงว่ามีเหมือนกัน เช่นภูมเทวดา เทวดาประจำพื้นดิน รุกขเทวดา เทวดาประจำต้นไม้ อากาสเทวดา เทวดาประจำอากาศเป็นต้น พวกนี้ท่านไม่จัดเป็นชั้น อย่างสวรรค์ 6 ชั้น ที่จะกล่าวต่อไป คือ

1.จาตุมหาราชิกา เป็นสวรรค์ชั้นแรก ท่านว่าเป็นที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้ง 4 องค์ มีหน้าที่อภิบาลโลก และรับผิดชอบกันองค์ละ1 ทิศ ความสุขคงไม่มากนัก เพราะงานหนักไม่น้อยเหมือนกัน ต้องตรวจตราดูแลความเป็นไปของโลก ป้องกันบริวารของตนไม่ลงมาจุ้นจ้านในโลก เพราะแต่ละท่านก็ดูเหมือนจะเป็นเทวดาที่ไม่จะสมบูรณ์นัก ท่านเหล่านั้น มีชื่อและความรับผิดชอบต่อโลกดังนี้

  • ทิศตะวันออก ท้าวธตรฐ มีภูต บางแห่งว่ากุมภัณฑ์เป็นบริวาร มีฤทธิ์อำนาจมาก
  • ทิศตะวันตก ท้าววิรูปักข์ มีนาคเป็นบริวารตัวท่านเองก็น่าจะเป็นนาคเหมือนบริวาร
  • ทิศใต้ ท้าววิรุฬหก องค์นี้แปลก บางแห่งว่ากุมภันฑ์เป็นบริวาร บางแห่งว่าเทวดา
  • ทิศเหนือ ท้าวกุเวร ส่วนมากคนไทยรู้จักกันในนามท้าวเวสสุวรรณ มีพวกยักษ์เป็นบริวารองค์นี้มีรูปมากที่สุดในเมืองไทยเพราะเป็นนายผี คนกลัวผีก็เลยสร้างรูปเจ้านายเอาไว้ ขู่ผีอีกต่อหนึ่ง ท่านว่าไว้ในพระสูตรเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงว่า แต่ละองค์มีฤทธิ์มีอานุภาพมาก มีลูกองค์ละ 80 องค์ และ ลูกทั้ง 320 องค์นั้น ชื่ออินทร์เหมือนกันหมด แปลกเหมือนกันอักษรศาสตร์คงไม่เจริญมากนักก็ได้ เลยต้องไปยืม ชื่อเจ้านายคือพระอินทร์มาตั้งชื่อลูก แต่ไม่แน่อาจจะเป็นวิธีประจบเจ้านายของพวกเทวดาเขาก็ได้ พูดถึงความสุข ดูไม่น่าจะสุขมากนัก เพราะบริวารแต่ละคนก็สาหัสพอแล้ว ยังต้องคอยระวังอันตราย ที่จะคุมคามเบื้องบนคือสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ กับ ทำหน้าที่อภิบาลโลกด้วย

2. สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ สวรรค์ชั้นนี้คนไทยคุ้นเคยมาก เพราะแม้แต่เมืองหลวงของดาวดึงส์ คืออยุธยา เราก็นำมาตั้งชื่อเมืองหลวงของเราเสีย แม้แต่กรุงเทพฯ ก็คือเทวนคร อันหมายถึงสวรรค์ชั้นนี้เหมือนกัน เทวราชผู้ปกครองดาวดึงส์ก็คือพระอินทร์เมื่อก่อนนิสัยไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะมักชอบยุ่งกับภรรยาคนอื่น ต่อมากลับมานับถือพระพุทธศาสนานิสัยดีขึ้น มีเมียเอก 4 นาง

สนมกับบริวารไม่ต้องนับความสุขคงจะดีกว่าชั้นแรก แต่ก็ไม่น่าจะสุขใจนักตามธรรมดาคนมีเมียมาก โดยเฉพาะนางสุชาดา ทราบว่าต้องเอาใจเป็นพิเศษ ไปไหนก็ต้องพาไปด้วย เลยได้ชื่อว่า“ท้าวสุชัมบดี” ทั้งต้องมีศึกกับพ่อตาคือท้าวเวปปจิตตาสูร พ่อของนางสุชาดาเป็นประจำด้วย ท่านองค์นี้มีหน้าที่บริหารอภิบาลโลกเหมือนกันถ้าโลกไม่ปกติ พระอินทร์จะทราบด้วยพระแท่นแข็งเมื่อเป็นเช่นนั้น จะทรงทอดพระเนตรดูเหตุการณ์ในโลกและลงมาแก้ไข หรือช่วยเหลือตามควรแก่กรณี

ปัจจุบันนี้ ทั้งท้าวมหาราช และพระอินทร์ชักจะไม่เอาไหนมากขึ้น โลกวุ่นวายอย่างไรไม่เคยให้ความสนใจ ทั้งนี้ท่านคงคิดว่า เดี๋ยวนี้เขามีองค์การสหประชาชาติแล้ว เลยเฉยเสีย ปล่อยให้มนุษย์แก้ไขกันเอง หรือไม่อย่างนั้น อาจเป็นเพราะปัจจุบันคนไม่ค่อยนับถือท่าน ท่านเลยเฉยเสียก็เป็นได้ นานเข้าคงลืมหน้าที่ไปก็ได้ เรื่องของผู้ใหญ่ที่ได้รับความสุข มักลืมความทุกข์ของคนอื่นอย่างนี้เอง ไม่ว่าเทวดาหรือมนุษย์ก็ตาม


3. สวรรค์ชั้นยาม ชั้นนี้ไม่ค่อยมีบทบาทมากนักทราบว่า ท้าวสุยามเป็นเทวราช ความสุขก็ต้องดีกว่า 2 ชั้นที่แล้วมา อาจจะเป็นความสุขสงบจนไม่มีข่าวอย่างประเทศที่สงบทั้งหลายในโลกปัจจุบันก็ได้ ที่เป็นข่าวส่วนมากเป็นประเทศที่ยุ่ง ๆทั้งนั้น


4. สวรรค์ชั้นดุสิต แปลว่าสวรรค์ที่น่ายินดี ท่านบอกว่าเป็นที่เกิดของคนที่บริสุทธิ์มาก เช่นคนที่จะไปเกิดเป็นพุทธบิดา พุทธมารดา พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์บางองค์ มักจะจุติไปจากสวรรค์ชั้นนี้แม้พระนางมายาเทวี พระพุทธมารดา ท่านบอกว่าทิวงคตแล้วไปอุบัติชั้นนี้อีก สวรรค์ชั้นนี้ก็เช่นกัน น่าจะสุขสงบจนไม่ค่อยมีข่าวมากนัก ทราบแต่ว่า ท้าวสันตุสิตเป็นผู้ปกครอง การปกครองก็คงจะไม่ยุ่งยากอะไร เพราะล้วนแล้วแต่เป็นเทวดาชั้นดีด้วยกันทั้งนั้น


5. ชั้นนิมมานรดี ชั้นนี้ก็เช่นกัน ไม่ค่อยมีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากนัก ทราบแต่เพียงว่าบนสวรรค์ชั้นนี้จะต้องการอะไรก็นิรมิตเอา เรื่องความสุขท่านไม่ได้บอกไว้ละเอียดนัก แต่ต้องดีกว่าสวรรค์ชั้นต่ำกว่าเทวราชดูเหมือนจะชื่อตามสวรรค์ว่า สุนิม เป็นผู้ปกครอง


6. สวรรค์ชั้นปรนิมมิตวสวัดดี ท่านบอกว่าเป็นที่อยู่ของพระยามาร ชื่อตามสวรรค์นั้น ตนที่ไปตามผจญพระพุทธเจ้าในเวลาจะตรัสรู้ แปลกเหมือนกัน นักเลงโตขนาดนี้ ได้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นสูงขนาดนี้ แต่เมื่อมองตามความเป็นไปของพระยาปรนิมมิตวสวัดดีแล้ว จะพบว่าปกติไม่ค่อยรบกวนชาวบ้านมากนักนอกจากเห็นใครจะได้ดีจริง ๆเช่นพระพุทธเจ้า ท่านก็ลงมือขัดขวางจนสุดความสามารถ แต่เมื่อสู้พระบารมีของพระพุทธเจ้าไม่ได้ ก็กลายเป็นเด็กขี้แย นั่งร้องไห้อยู่จนลูกสาวมาถามทราบความ จึงได้อาสาไปล่อลวงพระพุทธเจ้าครั้งหนึ่ง แต่พระพุทธองค์ทรงรู้จักทุกครั้ง

ไม่ว่าจะไปในรูปใด ตอนหลังเลยออกจะเซ็ง ๆไป มาโผล่อีกครั้งหนึ่งตอนทูลให้พระพุทธเจ้าปรินิพพานตำนานบอกว่ามารตนนี้ แต่ลองคิดดูอีกทีน่าจะเป็นขันธมารมากกว่า เพราะพระพุทธองค์ทรงพระชรามากแล้ว ทั้งต้องทำงานเหน็ดเหนื่อยมามากตลอดเวลา 51 ปี พระวรกายทนทานต่อไปไม่ไหวทั้งงานที่ควรจะทำก็ได้ทำสมบูรณ์ดีแล้ว จึงไม่ทรงฝืนสังขารที่จะอธิษฐานด้วยอิทธิบาทภาวนาจะอยู่ไปอีกจึงได้เสด็จดับขันธปรินิพพาน ตามตำนานบอกว่าสวรรค์ชั้นนี้มีพิเศษอยู่ตามชื่อ คือต้องการอะไรไม่ต้องนิรมิตเอง มีคนอื่นรู้ความต้องการแล้วนิรมิตให้บางท่านให้ข้อสังเกตุว่าผู้มานิรมิตให้น่าจะเป็นเทพชั้นนิมมานนดี

พระยามารตนนี้ ปัจจุบันไม่ทราบว่าหายไปไหนไม่ค่อยสำแดงอาการคุมคามใครอีก ท่านคงเห็นว่าไม่ต้องถึงมือท่าน พวกมนุษย์ต่อมนุษย์ก็ล้างผลาญกันพอแรงแล้ว ไม่มีใครมีทีท่าว่าจะออกไปนอนอำนาจของท่าน เลยไม่ต้องทำงานไปอีกตนหนึ่ง

ชื่อสวรรค์นี้ ออกจะตรงกับของพราหมณ์เขาเหมือนกัน ไม่ทราบว่าใครเลียนแบบใคร แต่การอธิบายถึงรายละเอียดแตกต่างกัน เหมือนกันแต่ชื่อสวรรค์กับเรื่องบางเรื่องเท่านั้น แต่รับฟังไว้ก็เป็นความดีสำหรับผู้เชื่อเรื่องสวรรค์ เพราะไม่มีผลเสีย คนไม่เชื่อเสียอีกอาจจะทำกรรมชั่วอะไรก็ได้ เพราะคิดว่าสวรรค์นรกไม่มี

4 ความคิดเห็น:

  1. สนุกดี อ่านเพลินมากครับ !!

    ทุกอย่างที่เล่ามา

    บางเรื่องก็ตรงกับตำราเก่าๆที่ผมเคยอ่าน

    บางเรื่องก็คล้ายๆกัน

    ทุกอย่างมีเหตุ มีผล

    สนุกและหน้าติดตามมากครับ !!~

    ตอบลบ
  2. เป็นควมรู้ที่ไม่เคยรู้มก่อนเลยค่ะ.....@

    ตอบลบ