วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พึ่งพระพุทธเจ้าสู้พระเจ้าไม่ได้ (2)

วิสัชนา (ต่อ):
ใครจะถือใครเป็นที่พึ่งก็ตามควรจะทราบเงื่อนไขในการพึ่งว่า ท่านที่เรายึดเป็นที่พึ่งนั้นจะสามารถช่วยเราได้ในขอบข่ายแค่ไหนเพียงไร ไม่ใช่ว่าพอถือใครเป็นที่พึ่งแล้วตนเอง ไม่ต้องการทำอะไรเลยทุกอย่างขึ้นอยู่กับท่านผู้เป็นที่พึ่งของเราทั้งหมด ไม่มีที่พึ่งเช่นนั้น ในโลกนี้ไม่ว่าในศาสนาใดก็ตาม

คนที่พึ่งคนอื่นและทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับคนที่ตนพึ่งทั้งหมดนั้น หากจะมีก็มีเพียงคนปัญญาอ่อน คนพิการทางร่างกายทางสมองเท่านั้นที่ช่วยตนเองไม่ได้ ส่วนคนปกติธรรมดาแล้วอย่าไปคิดหวังที่พึ่งเช่นนั้นเลย เพราะจะเสียเวลาและตายเปล่าโดยไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา

เมื่อพระเจ้า พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งได้โดยฐานะดังกล่าว ปัญหาเรื่องที่พึ่งจึงมีความเกี่ยวข้องอย่างสำคัญกับคนที่ถือพระเจ้าพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งว่า "ศาสนิกในศาสนาเหล่านั้นจะสามารถเอาคำสอนในศาสนาของตนมาลงมือปฏิบัติจนสามารถพัฒนาจิตใจ ความประพฤติ และขจัดทุกข์ ได้รับความสุขอันเกิดจากการปฏิบัติ ตามคำสอนเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหนเพียงไร"

การถือพระพุทธเจ้าได้อย่างสมบูรณ์นั้นทำให้คนได้บรรลุมรรค ผลนิพพานอันเป็นการดับกิเลสและความทุกข์ได้ทั้งหมด การถือพระเจ้าเป็นที่พึ่งคือการเข้าร่วมกับพระเจ้าตลอดนิรันดร ใครเห็นว่าอะไรดีกว่าก็เลือกเอาโดยไม่จำเป็นว่าจะต้องไปตำหนิคนอื่นหรือยกตนข่มท่าน

เมื่อทำได้เช่นนี้เอกภาพระหว่างคนนับถือศาสนาต่างๆก็จะเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นจะต้องนับถือศาสนาเดียวกันหรือมีพระเจ้าองค์เดียวกัน

ส่วนที่ว่า "พึ่งเทวดาย่อมดีกว่าพึ่งมนุษย์" นั้นข้อนี้เป็นเรื่องของความสมัครใจที่บุคคลนั้นๆเลือกเอาเองเช่นเดียวกัน แต่ที่ไม่ควรลืมคือเทวดากับมนุษย์นั้นมี กิเลส โลภ โกรธ หลงเหมือนกัน แต่มีชาติกำเนิดแตกต่างกันเหมือนคนไทยกับคนต่างชาติ ฉะนั้นการถือว่าพึ่งเทวดาดีกว่าพึ่งมนุษย์นั้นได้แสดงออกมาให้เห็นตามสมควรว่าคนไม่น้อยมีความฝังใจในเรื่องนี้มากพอสมควร เช่น

- การเที่ยวอ้อนวอนบวงสรวงเทวดา เพื่อให้ดลบันดาลให้ตนได้อย่างนั้นอย่างนี้ ขอหวย ขอเบอร์กันจนขาดการตั้งใจทำมาหากิน บางรายร้ายแรงจนต้องขายทรัพย์สิน เพราะไปหวังพึ่งเทวดากัน เทวดาพึ่งได้จริงหรือไม่ก็น่าจะรู้ ๆกันอยู่แล้ว

- เกิดการดูหมิ่นตนเอง ไม่เชื่อความสามารถวิชาความรู้ของตนทำอะไรไม่ค่อยใช้สติปัญญา แต่ต้องการพึ่งอำนาจภายนอกมีเทวดาเป็นต้น ความยากจนความตกต่ำในด้านฐานะวิชาความรู้ก็ตามมา คนชาติใดก็ตามที่ไม่หวังพึ่งอำนาจภายนอกมากเกินไปแต่อาศัยเหตุผลสติปัญญาเป็นหลักในการดำรงชีวิต ความเจริญในด้านต่างๆก็จะเกิดขึ้นได้ จนป่านนี้แล้วคนในบ้านเมืองของเราบางพวกยังหลงมอบความเป็นอยู่ของตนให้ขึ้นอยู่กับการดลบันดาลของอำนาจภายนอกแล้วจะโทษใครกันเล่า?

-เทวดานั้นแม้แต่ศาลจะอยู่ก็ต้องให้คนสร้าง ให้หากอำนาจในการช่วยเหลือมีจริงเทวดา ก็คงไม่เก่งเกินพระเจ้าคือ จะช่วยได้เฉพาะแก่คนที่ช่วยตัวเองก่อนแล้วเท่านั้น มีเรื่องเทพารักษ์กล่าวกับคนขับเกวียนผู้อ้อนวอนให้เทวดาช่วยเมื่อล้อเกวียนตกหลุมลึก วัวลากไปไม่ไหวที่ว่า "เจ้าจงเอาบ่าแบกลูกล้อ แล้วเฆี่ยนวัวให้เดิน ลูกล้อก็จะเคลื่อนที่พ้นจากหลุมได้ การที่ร้องโวยวายไปเสียก่อนโดยยังไม่ได้ทดลองกำลังของตนใครเล่าจะช่วยเจ้าได้"

คำกล่าวนี้ย่อมเป็นตัวอย่างอันดีของคนหวังพึ่งอำนาจภายนอกเพียงอย่างเดียวโดยตน ไม่ต้องลงทุนใช้ความเพียรพยายามแต่ประการใด คนเรานั้นหากอยู่ในสภาพดังกล่าว แล้วไม่ว่าจะถือพระพุทธเจ้า พระเจ้า เทวดา หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างอื่นก็ไปไม่รอดเสมอกันทั้งนั้นแหละ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น