วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551

พึ่งพระพุทธเจ้าสู้พึ่งพระเจ้าไม่ได้ (1)

ปุจฉา:
พึ่งพระพุทธเจ้าสู้พึ่งพระเจ้าไม่ได้เพราะพระพุทธเจ้าดับไปแล้ว แต่พระเจ้ายังอยู่ให้พึ่ง และการพึ่งเทวดาย่อมดีกว่าพึ่งมนุษย์ข้อนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?

วิสัชนา:
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับความซาบซึ้งของการยอมรับถึงคุณค่าของสิ่งที่ตนยึดถือพอใจ เหมือนกับเพลงที่ร้องกัน ความว่า "ขี่รถเก๋งแสนสบาย อีกคนบอกว่าแพ้ควายแท้เทียว เพราะไม่หวาดเสียวเหมือนขี่รถ"

เรื่องการพึ่งพระเจ้ากับพระพุทธเจ้าก็เช่นเดียวกัน ใครเห็นคุณค่าของใครมากกว่าก็ย่อมกล่าวว่าฝ่ายนั้นดีกว่า นอกจากคนมีความรู้สึกว่า "ขี่ควายขี่เก๋งก็เหมือนกัน เพราะพระจันทร์ดวงเดียวกัน"

ใครจะถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งหรือจะถือพระเจ้าเป็นที่พึ่งก็ตาม ย่อมได้ชื่อว่าเป็นคนมีศาสนาเป็นหลักใจในการดำรงชีวิตเช่นเดียวกัน เมื่อเกิดการยอมรับในประเด็นนี้ได้แล้ว การอ้างพึ่งใครดีกว่าใครก็ไม่จำเป็น เพราะต่างคนต่างยึดมั่นในแนวทางของตนทำให้ตนเป็นศาสนิกที่ดีในศาสนานั้นๆ ก็จะได้รับผลตามควรแก่การปฏิบัติตามหลักในศาสนานั้นๆ

แต่ถ้าเราจะพูดกันตามหลักความเป็นจริงแล้วทั้งพระพุทธเจ้าและพระเจ้าได้แสดงฐานะของตนเองออกมาอย่างเปิดเผยที่สุด คือ "จงช่วยตนเองก่อน แล้วพระเจ้าจะช่วยเจ้า" นี่คือหลักในศาสนาที่นับถือพระเจ้า"ความเพียรพยายาม อันเธอทั้งหลายพึงทำเอง ตถาคต เป็นเพียงผู้บอกให้เท่านั้น" นี่คือหลักในศาสนาพุทธ

จากข้อความเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าก็ดีพระพุทธเจ้าก็ดี ทำหน้าที่ชี้แจงแสดงทางถูกทางผิดให้คนได้พิจารณาเอาเท่านั้น หาได้มีอำนาจในการดลบันดาลให้ใครๆเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ตามที่ตนต้องการได้ไม่ ด้วยอำนาจพระมหากรุณาที่พระพุทธเจ้าและพระเจ้ามีอยู่นั้น หากท่านมีอำนาจในการดลบันดาลแล้วท่านคงบันดาลให้คนพ้นทุกข์กันหมดแล้ว

โดยเฉพาะพระพุทธเจ้าเองหากดลบันดาลได้ ก็ไม่ต้องลำบากพระวรกายเที่ยวสั่งสอนคนอยู่ถึง ๔๕ ปี หรอก ดลบันดาลกันประเดี๋ยวเดียวก็เป็นสุขกันหมดโลกแล้ว แต่งานของพระพุทธเจ้าเป็นงานที่ทรงทำเพียง

ชี้ทางบรรเทาทุกข์ และชี้สุขเกษมศานต์
ชี้ทางพระนฤพาน อันพ้นโศกวิโยคภัย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น