วิสัจฉนา: พระพุทธเจ้าทรงแสดงอานิสงส์คือผลอันเกิดขึ้นจากการรักษาศีลไว้ในมหาปริพพานสูตรก่อนกาลปรินิพพานของพระองค์ว่า ศีลที่บุคคลรักษาสำรวมระวังดีแล้วย่อมได้รับ อานิสงส์ 5 ประการ คือ
- ย่อมได้ลาภโภคสมบัติเป็นอันมาก
- กิตติศัพท์อันดีงามย่อมฟุ้งขจรไปในที่ทั้งปวง
- เมื่อไปในท่ามกลางชุมนุมชนใดก็ตามไม่สะทกสะท้านหวั่นไหว
- ไม่หลงทำกาลกริยาคือตายอย่างมีสติ
- หลังจากตายไปแล้วย่อมบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์
ชาวพุทธทั่วไปมักจะได้ยินคำกล่าวของพระเวลาให้ศีลท่านจะจบลงด้วยคำว่า "ศีลย่อมนำไปสู่สุคติ ศีลให้บุคคลถึงพร้อมด้วยโภคสมบัติ ศีลย่อมนำไปสู่นิพพานเพราะเหตุนั้นจงชำระศีลให้บริบูรณ์"
ข้อความเหล่านี้เป็นหลักฐานที่เป็นพระพุทธดำรัส แต่บุคคลอาจสังเกตพบด้วยตนเองว่าใครก็ตามที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการละเมิดศีล ถูก เขาอาจจะร่ำรวยได้ในบางโอกาส แต่หากลองติดตามดูวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขาเหล่านั้นจะพบว่า มักจะฉิบหายไป เพราะอันตรายในด้านต่างๆ ตรงกันข้าม กับทรัพย์สมบัติที่เกิดขึ้นแก่ผู้มีศีลอาจจะเป็นการค่อยๆเจริญขึ้น
แต่เป็นความเจริญเติบโตอย่างมีสัดส่วนแบบธรรมชาติทั้งหลายทรัพย์สมบัติเหล่านั้นจะไม่ฉิบหายไปเพราะอันตรายต่างๆ เรื่องอานิสงส์ศีลส่วนนี้จะเกิดความเข้าใจได้ดี ต้องอาศัย
- การสังเกตพิจารณาบุคคลผู้มีศีลเป็นรายๆไป
- การประจักษ์ด้วยตนเองเมื่อตนเป็นผู้มีศีล
- การได้ความสุขใจอันเกิดขึ้นจากการทำงานที่ปราศจากโทษ
นอกจากนั้นศีลที่บุคคลรักษาดีแล้วนั้นย่อมนำไปสู่ความมีอริยทรัพย์คือทรัพย์ที่ประเสริฐเพราะสามารถนำติดตนไปได้ ในกาล สถานที่ คติ ภพทั้งปวง คือ "ทรัพย์คือศรัทธา ทรัพย์คือศีล ทรัพย์คือหิริ ทรัพย์คือโอตตัปปะ ทรัพย์คือ พาหุสัจจะ ทรัพย์คือจาคะ ทรัพย์คือปัญญา"
คำว่าทรัพย์คือสิ่งที่นำความปลื้มใจมาให้ จะพบว่าทรัพย์ภายนอกนั้นให้ความปลื้มใจที่แฝงไว้ด้วยความวิตกกังวลห่วงใย หวาดหวั่น แต่ทรัพย์คือศีลนั้นให้ความสุขกาย สบายใจที่ถาวร ยืนนาน ข้ามภพ ข้ามชาติได้ ศีลจึงเป็นทางให้เกิดโภคทรัพย์ในระดับต่างๆดังนี้ ส่วนชาวประมงนั้นศีลไม่ได้มีเฉพาะข้อปาณาติบาตเมื่อไรเล่าศีลข้ออื่นเขาไม่เสียนี่ เมื่อเขาขยันทำงานก็ย่อมได้เงินเป็นธรรมดา.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น